มารู้จัก “ต้นจั๋ง” ไม้ฟอกอากาศสุดฮิต ที่ไม่ได้มีดีแค่ใบสวย

จั๋ง เป็นไม้ยอดนิยมที่กระแสแรงมาก ๆ สำหรับคนรักต้นไม้ รักการตกแต่งสวน ต้นโฮย่า ต้นไม้ในร่มสุดอินเทรนด์ เพราะความสวยงามและมีเสน่ห์ในตัวของมันเอง รวมถึงประโยชน์ต่าง ๆ อีกมากมาย เพราะนอกจากจะเป็นไม้ประดับที่ทุกบ้านต้องมีแล้ว เพราะสามารถปลูกได้ทุกที่ ทั้งในกระถาง หรือลงดิน ทั้งระเบียงคอนโด หรือในบ้าน สามารถปลูกได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร และที่สำคัญยังเป็นไม้ฟอกอากาศที่มีประโยชน์อย่างมากมาย ต้นสีเขียว ๆ ใบลายแฉกคล้ายใบพัด หรือกังหัน ที่มีความแปลกตา จึงนำมาใช้ตกแต่งบ้านได้ทุกแบบทุกสไตล์ วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับต้นจั๋ง ไม้ฟอกอากาศประโยชน์เยอะ ช่วยดูดสารพิษ คายความชุ่มชื้น แข็งแรง ทนทาน เลี้ยงง่าย เหมาะประดับตกแต่งบ้านให้สวยงามชวนมอง

จั๋งมีชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Rhapis Excelsa และมีชื่อสามัญเท่ ๆ ว่า Lady Palm เป็นไม้ที่นิยมปลูกกันมากในประเทศจีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย ในเมืองไทยของเรา นิยมนำมาเป็นไม้ประดับตกแต่ง เป็นไม้ตระกูลปาล์ม ลักษณะของต้นขึ้นเป็นกอ ๆ คล้ายกอไผ่ ใบมีสีเขียวเข้ม เป็นมัน แยกเป็นแฉกคล้ายพัด มีใบย่อยจำนวน 5 – 10 ใบ อยู่ติดกับก้านของใบ ลำต้นตรงแข็งแรง การเจริญเติบโตถือว่าเป็นพืชโตช้า แต่เลี้ยงง่ายมาก ๆ และทนสภาพอากาศแห้งแล้งได้ดี แม้จะขาดน้ำติดต่อกันหลายวันก็ยังสดชื่นสวยงาม แถมยังเป็นไม้ที่ทนต่อแมลงและโรคต่าง ๆ ได้ดีมากอีกด้วย เป็นไม้ที่ไม่ต้องการแสงแดดที่มากเกินไป ชอบแบบประมาณครึ่งวันหรือรำไร หากเราปลูกลงดินความสูงของลำต้นเต็มที่จะสูงได้ประมาณ 3 – 4 เมตร หากปลูกลงกระถางหรือเลี้ยงภายในอาคาร จะสูงประมาณ 2 เมตร ลำต้นจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 2 นิ้ว ส่วนใหญ่ในปัจจุบันนิยมนำมาปลูกเลี้ยงในกระถาง เป็นไม้ประดับ ช่วยฟอกอากาศภายในอาคาร ส่วนภายนอกอาคารนิยมปลูกเป็นสวนหย่อม หรือปลูกริมสระน้ำ 

คุณสมบัติและประโยชน์ของต้นจั๋ง

ต้นจั๋งจะมีความโดดเด่นที่รูปลักษณ์ของใบ ที่ดูสวยงามแปลกตา มีเสน่ห์คล้ายกับพัด ลักษณะใบสวยและสีเขียวสด มีความทนทานทุกสภาพอากาศ แต่ที่ทำให้กลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมก็เพราะเป็นไม้ฟอกอากาศ ที่มีประโยชน์มากมาย สามารถดูดสารพิษที่ลอยปะปนในอากาศ หรือดูดไอระเหยสารตกค้างของสารเคมีประเภทต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งก็คือ สามารถดูดหรือการสะสมเกลือ แร่ธาตุ เก็บไว้ที่ส่วนปลายของใบ ซึ่งการสะสมเกลือนั้น เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ใบจั๋งส่วนปลายจะมีสีออกน้ำตาล หรือเหลือง ดูไม่สดใส แต่เราสามารถแก้ได้โดยตัดเล็มปลายใบออก เพื่อช่วยให้ใบสวยสดงดงามอยู่ตลอดเวลาได้

จั๋งต้นไม้ยอดนิยม มีด้วยกันกี่ชนิด กี่สายพันธุ์

ช่วงหลังต้นจั๋งเป็นไม้ที่ได้รับความนิยม นำปลูกเป็นไม้ประดับตกแต่งมาก ที่ได้รับความนิยมนั้นมาจากหลากหลายสายพันธุ์ในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก ซึ่งจะมีอยู่ประมาณ 8 ชนิด ดังนี้

สายพันธุ์จีน R.Humilis

หรือ Reed Rhapis หรือ Slender Lady Palm เป็นต้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาจั๋งสายพันธุ์ต่าง ๆ ใบจะแตกออกได้มาก 6 – 20 แฉก และมีลักษณะพิเศษคือ ใบเรียวแหลมและอ่อนลู่สวยงาม ส่วนลำต้นนั้นจะมีเส้นใยที่ละเอียดมาก สีน้ำตาลเข้มหรือสีดำคลุมอยู่ ออกดอกสีขาวครีมที่มีลักษณะเป็นช่ออยู่ระหว่างกาบใบ เมล็ดจะมีสีเขียวอ่อนอมเหลือง เป็นเมล็ดเดี่ยวมีขนาดเล็ก แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยออก

สายพันธุ์ญี่ปุ่น R.Excelsa หรือ Lady Palm

หรือ Bamboo Palm มีขนาดเล็กรองลงมาจากสายพันธุ์จีน เป็นต้นขนาดกลาง เป็นสายพันธุ์ยอดนิยมที่ปลูกกันมาก มีความสูงประมาณ 3 เมตร ใบแตกออกได้มากถึง 4 – 10 แฉก ลักษณะใบจะแข็งและตั้งชู ปลายใบทู่ ไม่ลู่อ่อนเหมือนสายพันธุ์จีน ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบในส่วนปลายยอด ซึ่งดอกตัวผู้กับดอกตัวเมียแยกกันอยู่คนละต้น เมล็ดมีขนาดเล็ก

สายพันธุ์ลาว R.Cochinchinensis

เป็นสายพันธุ์ต้นขนาดเล็ก มีความสูงประมาณ 0.7 – 1 เมตร ส่วนใบนั้นจะแตกออกประมาณ 3 – 5 แฉก ลักษณะใบแข็ง ปลายใบลู่อ่อน

สายพันธุ์ไทย R.Subtilis

จัดเป็นสายพันธุ์ขนาดกลาง โตเต็มที่มีความสูงประมาณ 1 – 3 เมตร ใบมีขนาดเล็ก และแตกออกได้ประมาณ 5 – 12 แฉก มีใยหุ้มลำต้นที่มีความละเอียดและอัดเรียงกันแน่น ส่วนใหญ่มักจะพบมากในเขตภาคใต้ของไทย และในประเทศมาเลเซีย

สายพันธุ์ใต้ R.Siamensis

เป็นสายพันธุ์ขนาดเล็กเช่นกัน เล็กกว่าสายพันธุ์ไทย โตเต็มที่มีความสูงไม่เกิน 2 เมตร มีความแตกต่างจากสายพันธุ์ขนาดเล็กอื่น ๆ คือ ใบจะแตกแฉกได้มากถึงประมาณ 15 – 22 แฉก ลักษณะใบที่หุ้มลำต้นจะมีความหยาบ และเรียงตัวกันแบบหลวม ๆ ไม่แน่นเหมือนสายพันธุ์ไทย

สายพันธุ์จีนใบฝอย R.Multifida

เป็นพันธุ์ขนาดกลางที่ได้รับความนิยมมาก เพราะเป็นพันธุ์ที่มีความสวยงาม โดดเด่นที่สุดในบรรดาสายพันธุ์ยอดนิยมต่าง ๆ โตเต็มที่สูงประมาณ 2 เมตร ใบก็จะแตกออกเป็นแฉกขนาดเท่า ๆ กัน มีประมาณ 10 – 20 แฉก

สายพันธุ์แคระ Rhapis sp.

เป็นสายพันธุ์ที่มีขนาดเล็กที่สุด หรือขนาดจิ๋ว โตเต็มที่จะมีความสูงเพียง 30 เซนติเมตรเท่านั้น ส่วนของใบก็จะแตกออกเป็นแฉกเพียง 3 แฉก ซึ่งสายพันธุ์แคระนี้ไม่ค่อยพบเห็นมากนัก

สายพันธุ์ปราจีน R.Humilis

เป็นสายพันธุ์เดียวกับสายพันธุ์จีน แต่ลักษณะจะแคระกว่า และมีขนาดเล็กมากกว่า ส่วนใหญ่จะมีเพาะพันธุ์ขาย และนิยมเลี้ยงกันมาก ในแถบจังหวัดปราจีนบุรีและสระแก้วเท่านั้น

เคล็ดลับวิธีการปลูกต้นจั๋ง ให้เติบโตแข็งแรง

จั๋งเป็นไม้ที่ค่อนข้างจะชอบดินร่วนซุย ควรผสมดินให้พอเหมาะก่อนปลูก โดยมีสัดส่วนในการผสมหลัก ๆ คือ ดินร่วน 3 ส่วน ปุ๋ย 3 ส่วน ทราย 1 ส่วน และใบไม้ผุอีก 1 ส่วน

วิธีปลูกลงดิน

ขุดหลุมให้ใหญ่กว่าขนาดลำต้นและรากของต้น การจัดเตรียมพื้นที่ให้พอเหมาะ จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ต้นจั๋งเจริญเติบโตได้ดี โดยเราควรเตรียมดินปลูกล่วงหน้าประมาณ 2 – 3 เดือน ด้วยการใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หรือเศษใบไม้ใบหญ้าที่ผุแล้ว เปลือกถั่ว หรืออื่น ๆ รองก้นหลุมไว้ เหมือนเป็นการหมักปุ๋ยนั่นเอง อย่างน้อยควรหมักไว้ประมาณ 1 เดือน จากนั้นก็นำไม้มาปลูกลงดินได้ ปลูกแล้วกลบ และกดดินตรงโคนต้นให้แน่นพอประมาณ และใช้ไม้เป็นไม้หลักค้ำลำต้นไว้ทั้ง 3 มุม

วิธีปลูกลงกระถาง

ส่วนใหญ่เหมาะกับสายพันธุ์ขนาดกลางและเล็ก หรือเริ่มจากการเพาะเมล็ด หรือแยกหน่อมาปลูก ควรเลือกกระถางที่มีขนาดพอเหมาะกับลำต้น หากต้นเริ่มแตกเป็นหน่อควรเลือกกระถางที่มีปากกว้าง การเตรียมดินก็ใช้ดินเหมือนกับการปลูกแบบปกติ โดยการนำดินร่วนผสมกับขี้เถ้าแกลบ ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ใบไม้ผุต่าง ๆ โดยให้สัดส่วนดินมากกว่า 2 เท่า สำหรับสายพันธุ์ที่เป็นต้นเดี่ยวให้เลือกปลูกบริเวณกลางกระถาง หากสายพันธุ์แบบแตกกอ เราควรเพาะเมล็ดปลูกในปริมาณ 3 – 5 ต้นต่อกระถาง จึงจะช่วยให้การแตกกอแตกหน่อออกเป็นพุ่มสวยกว่า ที่สำคัญก้นกระถางควรใช้อิฐหรือก้อนกรวดวางรองไว้ก่อนเพื่อช่วยให้ระบายน้ำ

ต้นจั๋งดูแลอย่างไร ให้สดใสสวยงาม

  • จั๋งเป็นไม้ที่ชอบแสงแดดไม่มากเกินไป 
  • ชอบน้ำปานกลาง ไม่ชุ่ม ชอบพื้นที่ที่มีความชื้นพอประมาณ แม้ว่าจะสามารถเติบโตได้ทั้งกลางแจ้งและภายในอาคาร
  • เติบโตได้ดีในอุณหภูมิประมาณ 18 – 25 องศาเซลเซียส 
  • ควรใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก ผสมน้ำรดโคนต้นอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
  • หากปลูกในกระถาง ควรเปลี่ยนขนาดกระถางใหม่ทุก 1 ปี 
  • หมั่นตัดกิ่ง ตกแต่งก้าน และใบ ไม่ให้รก ให้ดูโปร่งตา และเพื่อช่วยลดจำนวนใบที่แตกออกมามาก จนต้นไม่เติบโต
  • คอยดูแลตัดเล็มปลายใบที่มีสีน้ำตาลหรือสีเหลืองออก เพื่อใบจะได้มีสีเขียวสวยงาม

ประโยชน์ของต้นจั๋ง

  • ใช้เป็นไม้ประดับตกแต่งบ้านพักอาศัย ออฟฟิศสำนักงาน ร้านค้า สามารถตกแต่งได้ทั้งภายนอกภายใน
  • ใช้ปลูกเป็นไม้กระถางตกแต่งพื้นที่เพื่อความสวยงาม
  • ปลูกเป็นไม้ช่วยดูดสารพิษ สารเคมีตกค้างที่ลอยปะปนในอากาศ
  • ปลูกเป็นไม้ฟอกอากาศ ช่วยคายความชุ่มชื้น ช่วยให้บริเวณห้องมีอากาศสะอาดบริสุทธิ์
  • ปลูกเป็นแนวรั้ว หรือริมสระได้ดี เพราะลักษณะใบและรูปทรง มีความหนาแน่นสวยงาม
  • ปลูกเพื่อสร้างรายได้ เพราะเป็นไม้ประดับที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

Related Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *